วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

โรคเอดส์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง(Acquired Immune Deficiency Syndome ; AIDS
    เป็นโรคที่เกิดจากการมีเชื้อไวรัส HIV เข้าสู่ร่างกาย แล้วไปขยายจำนวนอยู่ภายในเซลล์ที จนเซลล์ทีตายไปเป็นจำนวนมาก จากการที่ไวรัส HIV โจมตีระบบภูมิคุ้มกันนี้ทำให้คนเป็นโรคเอดส์ตายลงไปเป็นจำนวนมากเพราะร่างกายสูญเสียความสามารถในการต่อสู้โรค เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเคย ร่างกายจึงอ่อนแอและเกิดโรคแทรกต่างๆ เช่น โรคปวดบวม(นิวมอเนีย) วัณโรค เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคเริม โรคท้องเสียเรื้อรัง โรคเชื้อราตามผิวหนังและช่องปาก เป็นต้น

การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคไห้กับร่างกาย

ภูมิคุ้มกันก่อเอง จากการฉีดวัคซีน

    โรคบางชนิดเมื่อเคยเป็นครั้งหนึ่งและรักษาหายแล้ว ร่างกายจะมีภูมิต้านทานต่อโรคนั้นทำให้ไม่เป็นโรคนั้นอีกตลอดไป เช่น โรคอีสุกอีใส เป็นต้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่า เซลล์ที ในร่างกายจะจดจำเชื้อโรคอีสุกอีใสนี้ได้ จึงกระตุ่นให้เซลล์บีพัฒนาเป็นเซลล์พลาสมาเพื่อสร้างแอนติบอดีไปจัดการกับแอนติเจนเชื้อโรคอีสุกอีใสนั้น ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้เรียกว่า  ภูมิคุ้มกันก่อเอง และจากหลักการของระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกายนี้เอง ที่นำไปสู่แนวความคิด การฉีดวัคซีน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน โดยใช้เชื้อโรคที่ตายแล้วหรืออ่อนฤทธิ์ลง ทำให้เป็นวัคซีนแล้วฉีดเข้าเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดภูมิต้านทานขึ้น

ภูมิคุ้มกันรับมา จากการฉีดเซรุ่ม
    โรคบางชนิดที่ไม่ใช่โรคระบาด จึงไม่มีการฉีดวัคซีนป้องกันไว้ล่วงหน้า เช่น โรคพิษสุนัขบ้า เป็นต้น คนที่ถูกสุนัขบ้ากัด หรือถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมกัดจำเป็นจะต้องได้รับการฉีดแอนติบอดีต่อต้านแอนติเจนของเชื้อพิษสุนัขบ้านั้น เพื่อเป็นการป้องกันร่างกายทันที โดยที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่ได้สร้างขึ้นมาเอง ซึ่งแอนติบอดีที่ฉีดเข้าสู่ร่างกายนี้อยู่ในส่วนของเลือดที่เรียกว่า เซรุม(serum)

การป้องกันและกำจัดเชื้อโรคของร่างกาย

 โดยปกติแล้วร่างกายของคนเรา มีกลไกในการป้องกันและกำจัดเชื้อโรคอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งเปรียบเสมือนกับกำแพงเมือง ด่าน หรือป้อมปราการที่สร้างไว้สำหรับเป็นเครื่องกีดขว้าง สกัดกั้นหรือดักจับทำลายเชื้อโรค เพื่อไม่ให้เข้าไปทำอันตรายเซลล์ เนื้อเยื่อ หรืออวัยวะที่ทำหน้าที่สำคัญๆ ภายในร่างกายจนเกิดเป็นโรคร้ายแรงได้ ด่านหรืออวัยวะที่ช่วยป้องกันและกำจัดเชื้อโรคโดยอัตโนมัตินั้นมีอยู่ทั้งหมด 3 ด่านด้วยกันคือ 
ผิวหนัง
แนวป้องกันโดยทั่วไป    ระบบภูมิคุ้มกัน

กลไกการรักษาดุลยภาพ

การรักษาดุลยภาพของน้ำในพืช
    การคายน้ำจะทำให้พืชสูญเสียน้ำออกจากเซลล์ และเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อกระบวนการต่างๆ ภายในเซลล์รากพืชจึงดูดน้ำขึ้นมาแทนตลอดเวลา ดั้งนั้นกลไกสำคัญในการรักษาดุลยภาพของน้ำในพืช คือการควบคุมสมดุลระหว่างการคายน้ำผ่านทางปากใบและการดูดน้ำของราก พืชจะสูญเสียน้ำออกทางปากใบได้มากส่วนพืชที่มีใบน้อยหรือไม่มีใบจะมีการสูญเสียน้ำออกทางปากใบน้อยกว่า การเปิด-ปิดของปากใบจึงเป็นกลไกสำคัญที่พืชใช้ในการควบคุมปริมาณน้ำภายในพืช พืชทั่วไปจะเปิดปากใบในเวลากลางวันและปิดปากใบในเวลากลางคืน แต่การเปิด-ปิดปากใบจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความเข้มของแสง อุณหภูมิ ความชื้น เป็นต้น การเปิด-ปิดปากใบ จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่พืชใช้ในการรักษาสมดุลยภาพของน้ำเพื่อให้ปริมาณน้ำพืชอยู่ในระดับที่เหมาะสม

วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องมีการรับสารจากภายนอก เช่น แร่งธาตุ น้ำ และอาหาร เข้าสู่เซลล์ เป็นต้น ในขณะเดียวกันเซลล์ก็จะกำจัดสารส่วนเกินหรือของเสียออกสู้ภายนอกด้วย เพื่อปรับหรือรักษาสภาพภายในเซลล์ให้เหมาะสมทำให้สามารถมีชีวิตได้ตามปกติ
เซลล์ของสิ่งมีชีวิตมีเยื่อหุ้มเซลล์ ที่ทำหน้าที่ลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์จัดเป็นเยื่อเลือกผ่าน คือ ยอมให้สารบางอย่างผ่านได้ แต่สารบางอย่างผ่านได้ยากหรือผ่านไม่ได้เลย
การแพร่
    การแพร่ของสารเข้าสู้เซลล์ สารนั้นต้องมีโมเลกุลขนาดเล็ก โดยผ่านเข้าทางชั้นฟอสโฟลิพิดเท่านั้น เป็นการเคลื่อนที่ของอนุภาคสารจากบริเวณสารที่มีความเข้มข้นสูง คือ มีอนุภาคสารนั้นเป็นจำนวนมากไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นของสารต่ำกว่า อนุภาคของสาจะกระจายไปจนบริเวณนั้นมีความเข้มข้นของสารนั้นเท่ากันหมด จนถึงจุดสมดุลของการแพร่ แต่อนุภาคก็ไม่หยุดนิ่ง ยังมีการเคลื่อนที่เพราะอนุภาคมีพลังงานจลน์

เซลล์และองค์ประกอบสำคัญของเซลล์

เซลล์เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้  จึงต้องมีเครื่องมือที่ช่วยในการมองเห็น  คือ  กล้องจุลทรรศน์  การศึกษาเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาของกล้องจุลทรรศน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  จนสามารถทำให้มองเห็นส่วนประกอบต่างๆภายในเซลล์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น  ปัจจุบันการศึกษาเรื่องเซลล์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว  จึงสามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย  ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์